DerMatrix เลเซอร์รักษาหลุมสิว ( Fractional RF)

  • DerMatrix คืออะไร DerMatrix เป็นนวัตกรรม Fractional RF (Radio Frequency) ในการรักษา โดยมีเทคนิคเฉพาะที่เรียกว่า Semiablative Resurfacing ทำได้โดยการปล่อย RF ไปตาม Pin ของหัว ทิปทองคำ DerMatrix ต่างจาก Fractional ตัวอื่นอย่างไร เป็นเครื่องมือตัวแรกที่นำ RF (Radio Frequency) มาทำให้เป็น Fractional ซึ่งจะแตกต่างจาก Technology Fractional อื่นๆ ซึ่งใช้แสงที่ความยาวคลื่นต่างๆมาใช้ในการรักษา DerMatrix สามารถทำให้เกิดการทำลายผิวหนัง (Ablation) เกิดการแข็งตัวของเลือด (Coagulation) และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน (Stimulation) ในเวลาเดียวกัน โดยจะให้ผลที่แตกต่างกันในแต่ละระดับขึ้นอยู่กับโปรแกรมที่เลือก และความรุนแรงของปัญหาที่แตกต่างกัน กลไกการทำงานของ DerMatrix เป็นอย่างไร กระแส RF จะลงไปใต้ผิวหนัง ทำให้เกิดความร้อนลงไปใต้ผิวที่ความลึกแตกต่างกันในแต่ละโปรแกรม ความร้อนจากกระแส RF จะลงไปที่ผิวชั้นบน (epidermis) และชั้นล่าง (dermis) โดยจะทำให้เกิดการทำลายผิวหนังด้านบนและลอกออก (Ablation and Resurfacing) ในขณะที่ความร้อนบางส่วนจะลงไปบริเวณผิวชั้นล่างเพื่อกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนขึ้นใหม่ ทำให้เม็ดสีจางลง ผิวตึง กระชับ ริ้วรอย หลุมสิวตื้นขึ้น รูขุมขนกระชับ เรียบเนียน Tip ที่มีจำนวน 64 pin จะทำให้เกิดการทำลายผิวหนังด้านบน (ablation) เพียงเล็กน้อย อาจเกิดแผลขนาดเล็ก ซึ่งจะหายได้อย่างรวดเร็ว (minimal downtime) ลดโอกาสเกิดผลข้างเคียงโดยเฉพาะในคนผิวคล้ำ ในขณะเดียวกันความร้อนที่เกิดจากพลังงาน RF จะลงไปกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนขึ้นใหม่ที่ผิวด้านล่าง ทำให้ริ้วรอย และหลุมสิวตื้นขึ้น รูขุมขนกระชับขึ้น ผิวเรียบเนียน ตึง กระชับมากขึ้น ความยืดหยุ่นของผิวดีขึ้น Disposable tip ดีอย่างไร ในการรักษาด้วย eMatrix บริเวณ Tip จะสัมผัสกับผิวของผู้ป่วยโดยตรง ผิวหนังบางส่วนที่ถูกทำลายและลอกออกอาจติดอยู่ที่ pin ซึ่งอาจมีผลต่อประสิทธิภาพที่ดีในการรักษา จึงแนะนำให้ใช้ disposable tip ซึ่งได้ผ่านการฆ่าเชื้อแล้ว เพื่อความสะอาด และเป็นการป้องกันการติดเชื้อระหว่างผู้ป่วยแต่ละคน DerMatrix ใช้รักษาอะไรได้บ้าง ใช้ในการรักษาริ้วรอย หลุมสิว กระชับรูขุมขน ความผิดปกติของเม็ดสี ผิวไม่เรียบเนียน ผิวหย่อนคล้อย ขณะทำจะรู้สึกอย่างไร อาจ รู้สึกคล้ายถูกดีด รู้สึกเจ็บได้บ้างบางจุด แต่ผู้ป่วยจะได้รับการทายาชาก่อนทำการรักษาทุกราย ทั้งนี้ผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงแสงแดดจัด ก่อนมาทำการรักษาอย่างน้อย 1 สัปดาห์ เพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังการรักษา ใช้เวลาในการรักษานานหรือไม่ หลังทำจะเป็นอย่างไร ประมาณ 20-30 นาทีต่อคน ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ทำการรักษา หลังทำจะเกิดรอยแดง และรู้สึกร้อนผ่าวได้ อาการจะค่อยๆดีขึ้นประมาณ 1-2 ชั่วโมง 1-2 วันหลังทำ อาจเกิดสะเก็ดบางๆ แล้วลอกออก สามารถแต่งหน้ากลบได้ จะเกิดรอยดำหลังทำหรือไม่? ถ้าหากผู้ป่วยดูแล และปฏิบัติตามคำแนะนำเป็นอย่างดี โอกาสที่จะเกิดรอยดำเกิดขึ้นได้น้อย (ยังไม่มีรายงานการเกิดรอยดำในคนผิวคล้ำ) การปฏิบัติตัวหลังทำ ต้องทำอย่างไรบ้าง? ประคบเย็นหลังทำทันที 24 ชม.แรกหลังทำ ควรทาด้วยวาสลีนหรือยาตามที่แพทย์สั่ง เพื่อให้ผิวชุ่มชื้นตลอดเวลา หลังจาก 24 ชม.แรก สามารถล้างหน้าด้วยสบู่อ่อน หลีกเลี่ยงการใช้สครับ วิตามินเอชนิดทา กรดผลไม้ หลังจาก 24 ชม.แรก สามารถแต่งหน้าได้บางๆ หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด ความร้อน อย่างน้อย 2 สัปดาห์หลังการรักษา ควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF30 ขึ้นไป จำนวนครั้งในการรักษา? ผลการรักษาจะค่อยๆดีขึ้นเรื่อยๆ หลังจากทำในแต่ละครั้ง โดยส่วนใหญ่เริ่มเห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำการรักษา โดยทั่วไปแนะนำทำ 3-5 ครั้ง ทำได้บ่อยแค่ไหน? ห่างกัน 4-6 สัปดาห์ เมื่อครบคอร์สแล้วสามารถมาทำซ้ำได้ทุก 6 เดือน นานหรือไม่กว่าจะเห็นผล? ประมาณ 2-4 สัปดาห์ จะเริ่มสังเกตว่ารูขุมขนกระชับ เรียบเนียนขึ้น ริ้วรอยดูจางลง และจะสามารถเห็นผลได้ชัดเจนขึ้นเมื่อทำครบคอร์ส ผลการรักษาอยู่ได้นานแค่ไหน? ผลการรักษาขึ้นอยู่กับการดูแลผิว และปัญหาของแต่ละบุคคล โดยทั่วไปผลจะคงอยู่เรื่อยๆ แนะนำอาจกระตุ้นซ้ำทุก 6-12 เดือน

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เติมไขมันหน้าเด็ก อุดร

DSclinic: introduction

Dual Yellow เลเซอร์รักษาฝ้า รอยสิว